ทำความรู้จักกับกระดาษแต่ละประเภท มีประโยชน์ต่างกันอย่างไร ?

การเลือกกระดาษที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานของคุณสามารถสร้างความแตกต่างให้กับงานของคุณได้อย่างแน่นอน เนื่องจากมีกระดาษหลายประเภทให้เลือกใช้ จึงอาจเป็นเรื่องยากที่จะทราบว่าประเภทกระดาษใดที่เหมาะกับความต้องการในการใช้งานแบบใด ปัจจุบันในวงการกระดาษมีการพัฒนากระบวนการผลิตขึ้นมา ทำให้กระดาษแต่ละประเภทตอบสนองความต้องการผู้ใช้มากยิ่งขึ้น และสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


วันนี้ทาง SINGCHAI จะพาทุกคนไปสำรวจกระดาษประเภทต่าง ๆ และช่วยคุณพิจารณาว่ากระดาษชนิดใดดีที่สุดสำหรับการใช้งานของคุณ ตั้งแต่กระดาษการ์ดไปจนถึงกระดาษหนัง รวมไปถึงทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกระดาษได้ที่บทความนี้ เพื่อช่วยให้คุณค้นหาและเลือกใช้กระดาษที่เหมาะกับงานของคุณให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

10 ประเภทกระดาษที่ใช้กันทั่วไปในปัจจุบัน

กระดาษปอนด์

กระดาษปอนด์เป็นกระดาษที่ทนทานซึ่งมักใช้ในการเขียน พิมพ์งาน และถ่ายเอกสาร มีราคาไม่แพงนักและมีพื้นผิวเรียบ ทำให้เหมาะสำหรับงานพวกเอกสารที่ต้องการการพิมพ์ที่คมชัด ส่วนใหญ่จะมีการผลิตในขนาด A4 ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานในการทำงานด้านเอกสาร

กระดาษหนังสือพิมพ์ 

กระดาษหนังสือพิมพ์เป็นกระดาษราคาประหยัดประเภทหนึ่งที่ใช้สำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์และวารสารอื่น ๆ มีน้ำหนักเบาและมีความทึบสูง ทำให้อ่านง่ายแม้จะพิมพ์ทั้งสองด้าน ปัจจุบันมีการผลิตกระดาษหนังสือพิมพ์ที่มีความปลอดภัย สามารถนำไปใช้ในการห่ออาหารได้

กระดาษแข็ง 

กระดาษแข็ง เป็นกระดาษสำหรับงานหนักที่มีความหนาและทนทานกว่ากระดาษทั่วไป นิยมใช้ทำการ์ดอวยพร บัตรเชิญ และนามบัตร ปัจจุบันมีการนำกระดาษแข็งไปใช้ในการทำบรรจุภัณฑ์มากมาย มีให้เลือกหลายน้ำหนัก และการเคลือบที่ต่างกัน ทั้งแบบมันและแบบด้าน ซึ่งมีกระบวนการผลิตและใช้วัตถุดิบที่แตกต่างกันกับกระดาษปอนด์

กระดาษอาร์ต

กระดาษอาร์ตเป็นกระดาษคุณภาพสูงที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการพิมพ์การทำสำเนางานศิลปะ มีพื้นผิวเรียบและมีความทึบแสงสูง ซึ่งจะช่วยให้สามารถแสดงสีได้อย่างแม่นยำ โดยจะมีขนาดความหนาให้เลือกตามการใช้งานต่าง ๆ เช่น ถ้าใช้ระบายสีน้ำก็จะต้องมีความหนาขึ้นมาอีกหน่อย

กระดาษคราฟท์ 

กระดาษคราฟท์เป็นกระดาษสีน้ำตาลที่แข็งแรง มักใช้สำหรับบรรจุภัณฑ์และงานฝีมือ ทำจากวัสดุรีไซเคิล มีรูปลักษณ์เรียบง่าย และเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

กระดาษทิชชู 

กระดาษทิชชูเป็นกระดาษน้ำหนักเบาและละเอียดอ่อนซึ่งมักใช้สำหรับห่อของขวัญและงานฝีมือ มีหลายสีและหลายลวดลาย มักใช้เพื่อเพิ่มสัมผัสการตกแต่งให้กับบรรจุภัณฑ์ของขวัญ

กระดาษลอกลาย

กระดาษลอกลายเป็นกระดาษโปร่งแสงบาง ๆ ที่ใช้กันทั่วไปสำหรับลอกลายการออกแบบ และลวดลาย มีพื้นผิวเรียบ ซึ่งเหมาะสำหรับการวาดภาพด้วยดินสอหรือหมึก และยังมักใช้ในการเขียนแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมอีกด้วย

กระดาษลูกฟูก

กระดาษลูกฟูก เป็นกระดาษที่มีความหนาโดยจะมีลอนกระดาษอยู่ตรงกลาง และมีแผ่นกระดาษแปะหน้าไว้ทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนใหญ่เราจะเห็นกระดาษลูกฟูกในกล่องส่งของต่าง ๆ  เนื่องจากมีความแข็งแรง ทนทาน และรับน้ำหนักได้มาก แถมตัวกระดาษยังมีน้ำหนักที่เบา นิยมนำไปใช้งานในการใช้กันกระแทกได้หลาย ๆ อย่าง

วิธีเลือกประเภทกระดาษที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานของคุณ

กระดาษประเภทต่าง ๆ มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน เช่น ความแข็งแรงทนทาน ขนาด น้ำหนัก สี และพื้นผิว เมื่อเลือกประเภทกระดาษที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานของคุณแล้ว สิ่งสำคัญต่อมาคือต้องคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะนำกระดาษแต่ละประเภทไปใช้ในการทำงานอะไรได้บ้าง หรืองานที่คุณกำลังทำอยู่สามารถใช้กระดาษประเภทไหนจะดีที่สุด โดยสามารถพิจารณาได้ดังนี้


การพิจารณาขนาดและน้ำหนัก ก่อนที่จะเลือกประเภทกระดาษ สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาขนาดและน้ำหนักที่จำเป็นสำหรับงานของคุณ ขนาดกระดาษมาตรฐาน เช่น A4 หรือ 8.5 x 11 นิ้ว มักจะใช้ในการพิมพ์ แต่อาจต้องใช้ขนาดที่ใหญ่กว่าหรือเล็กกว่าสำหรับโครงการหรืองานที่เฉพาะ
น้ำหนักของกระดาษก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เนื่องจากกระดาษที่หนาขึ้นจะทนทานกว่าและให้ความรู้สึกถึงคุณภาพที่สูงกว่า
การเลือกสีและพื้นผิวยังส่งผลต่อรูปลักษณ์โดยรวมของโปรเจ็กต์ของคุณอีกด้วย พื้นผิวกระดาษที่แตกต่างกัน เช่น แบบเรียบหรือแบบมีพื้นผิว สามารถสร้างเอฟเฟ็กต์ภาพที่เป็นเอกลักษณ์ได้

สรุป

นี่เป็นเพียงความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ของกระดาษแต่ละประเภทที่มีจำหน่ายในท้องตลาด ซึ่งกระดาษแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและการใช้งานเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกกระดาษให้เหมาะกับการทำงานหรือการใช้งานของคุณจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด  สำหรับธุรกิจไหนที่ต้องการใช้กระดาษแข็งที่สามารถใช้ในงานอุตสาหกรรมได้ บริษัท สิงห์ชัย อุตสาหกรรม สามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณดำเนินงานได้อย่างมีคุณภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนการผลิตได้เยอะอย่างแน่นอน